จะทำธุรกิจ จะเลือกองค์กรธุรกิจอย่างไรดี?

คุณเอกพล ยวงนาค ทนายสายอ่าน เจ้าของเพจ Ekkapon Inter Law มาแนะนำเกี่ยวกับข้อคิดก่อนหน้าที่จะจัดตั้งองค์กรธุรกิจเป็นของตนเอง

ในยุคที่มีการเติบโต ขยายตัวธุรกิจ และ ภาค SME ขนาดเล็ก ขนาดกลาง อุตสาหกรรม และ กลุ่มธุรกิจออนไลน์ รวมถึง กลุ่มสินค้า ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีความต้องการเปิดบริษัท ห้างร้าน หรือ องค์กร เป็นของตนเองมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ในเรื่องของการวางแผนการประกอบการรวมถึงการเสียภาษีอย่างเหมาะสม ในมุมของผู้ประกอบการควรจะต้องพิจารณาว่า การเปิดบริษัทห้างร้านเป็นของตัวเองนั้น มีประโยชน์อย่างไร

ครั้งนี้ ทนายสายอ่าน เจ้าของเพจ Ekkapon Inter Law มาแนะนำเกี่ยวกับข้อคิดก่อนหน้าที่จะจัดตั้งองค์กรธุรกิจเป็นของตนเอง

ในประเทศไทยมีรูปแบบขององค์กรธุรกิจหลายประเภทที่สามารถก่อตั้งและดำเนินการได้ตามกฎหมาย ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและข้อกำหนดทางกฎหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้ :

1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership)

  • เป็นการรวมกลุ่มของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อทำการค้าหรือธุรกิจร่วมกัน
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล

2. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล (Registered Ordinary Partnership

  • เป็นการรวมกลุ่มของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อทำการค้าหรือธุรกิจร่วมกัน
  • มีการจดทะเบียนต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและมีสถานะเป็นนิติบุคคล

3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)

  • มีผู้ลงหุ้นส่วนสองประเภท: หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบ และหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบ
  • มีนิติบุคคลสามารถมีส่วนร่วมในห้างหุ้นส่วนจำกัดได้

4. บริษัทจำกัด (Limited Company)

  • เป็นองค์กรที่มีการแบ่งหุ้นเป็นส่วนๆ
  • ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัดถึงจำนวนเงินที่ยังไม่ได้ชำระตามหุ้นที่ถืออยู่

5. บริษัทมหาชนจำกัด (Public Limited Company)

  • สามารถระดมทุนจากประชาชนทั่วไปได้
  • การก่อตั้งและการระดมทุนต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน

เมื่อเราทราบถึงประเภทขององค์กรธุรกิจแล้ว เราก็ต้องมาพิจารณาถึงการเลือกประเภทขององค์กรธุรกิจ ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่สามารถมีผลต่อการบริหาร งานลงทะเบียน ภาระภาษี และความรับผิดชอบทางกฎหมาย และข้อคิดที่ควรพิจารณาในการเลือกองค์กรธุรกิจคือ :

1. ความรับผิดของเจ้าของธุรกิจ:

  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership): เจ้าของตามกฎหมายรับผิดชอบเต็มที่ต่อหนี้สินทางธุรกิจ
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership): หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบมีความรับผิดเพียงถึงจำนวนเงินที่ลงทุน
  • บริษัทจำกัด (Limited Company): ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัดถึงจำนวนเงินที่ยังไม่ได้ชำระตามหุ้นที่ถืออยู่

2. การระดมทุน:

  • บริษัทมหาชนจำกัด (Public Limited Company): สามารถระดมทุนจากประชาชนทั่วไปได้

3. โครงสร้างการบริหารจัดการ:

  •  ห้างหุ้นส่วนสามัญ/จำกัด: การบริหารงานสามารถยืดหยุ่นได้มากกว่า
  • บริษัทจำกัด/มหาชนจำกัด: โครงสร้างองค์กรซับซ้อน มีข้อกำหนดและระเบียบข้อบังคับในการบริหารงานที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

4. ภาษีและการบัญชี:

  • บริษัทจำกัด/มหาชนจำกัด: ต้องมีการทำบัญชีอย่างถูกต้องและยื่นภาษีตามกฎหมาย
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด: ภาระภาษีและการทำบัญชีอาจน้อยกว่าบริษัทจำกัด

5. วัตถุประสงค์ทางธุรกิจ:

  • หากธุรกิจเน้นไปทางบำเพ็ญประโยชน์ ก็อาจจะเหมาะสมกับการก่อตั้งเป็น มูลนิธิหรือสมาคม ที่ไม่แสวงหาผลกำไร

6. กฎหมายและการจดทะเบียน:

  • ทุกประเภทขององค์กรต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบการจดทะเบียนที่กำหนดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้นคือหลักการพื้นฐานในการเลือกองค์กรธุรกิจเท่านั้น แต่ในการวางแผนธุรกิจจริงๆแล้วนั้น จะมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ดังนั้น หากต้องการรับคำปรึกษา หรือ หากต้องการให้ ทนายสายอ่าน โดย คุณเอกพล ยวงนาค เจ้าของเพจ Ekkapon Inter Law ของเราให้คำปรึกษา และ บริการ ด้านเอกสารกฏหมายในแง่มุมต่างๆ ได้ ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

  • Official Website: https://www.nitithornlaw.com
  • Official Fanpage: Ekkapon Inter Law
  • Line: @thailandlawyer
Share your love